วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โครงงานวิทยาศาสตร์

ชื่อโครงงาน ขมิ้นกับดินสอพอง
จัดทำโดย
1.นายกิตติพงษ์ สีฉายา เลขที่ 2
2.นางสาวนันทรัตน์ รุ่งโรจน์ เลขที่ 16
3.นางสาวศิริพร อาญาเมือง เลขที่ 29
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/3

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ ในปัจจุบันสีที่มีขายและใช้ในท้องตลาดที่ใช้สำหรับวาดรูปนั้นทำมาจากสารเคมี ที่อาจทำให้เกิดผลเสียต่อผู้บริโภคได้ ผู้จัดทำจึงคิดที่จะนำสีธรรมชาติที่มีอยู่ในท่องถิ่นมาใช้สำหรับทำสี เช่น ขมิ้น อัญชัน ฯลฯ แต่สีดังกล่าวเมื่อเก็บไว้ไม่นานก็จะเสีย ผู้จัดทำจึงคิดวิธีที่จะถนอมสีดังกล่าวไว้สำหรับใช้และเก็บได้นานๆ โดยได้แบ่งการทดลองออกเป็น 5 การทดลองคือ (1)ทอสอบหาอัตราส่วนระหว่างสารสีกับน้ำ (2)หาผงที่จะใช้น้ำไปชุบทำให้เกิดผงสี (3)ทดสอบหาอัตราส่วนที่เหมาะสมระหว่างน้ำสีกับผง (4)ทดสอบประสิทธิภาพของผงสีว่าเมื่อนำผงสีเก็บไว้เป็นเวลา 1 เดือนแล้วนำสีมาละลายน้ำแล้วละบายบนกระดาษแล้วสีจะยังสดใสเหมือนเดิมหรือไม่ และ (5)นำผงสีที่ได้ละบายบนกระดาษแล้วเป็นเวลา 1 เดือนสีจะยังสดอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า (1)อัตราส่วนระหว่างน้ำกับสารสีที่เหมาะสมคือน้ำ 10 มิลลิลิตรต่อสารสี 3 กรัม (2)วัสดุที่เหมาะสมที่เหมาะสำหรับใช้ทำผงคือผงดินสอพอง (3)อัตราส่วนที่เหมาะสมระหว่างน้ำสีต่อผงดินสอพองคือน้ำสี 50 มิลลิลิตร ต่อดินสอพอง 10 กรัม ส่วนการทดสอบที่(4)และ(5)นั้นผลที่ได้ก็คือสีที่เปรียบเทียบได้ยังคงสดใสเหมือนเดิม ดังนั้นสีผงนี้จึงสามารถเก็บไว้เป็นเวลานานได้และเมื่อนำไปใช้แล้วสีก็ยังสดใสเหมือนเดิมเมื่อผ่านไปเป็ยระยะเวลานาน

ขอบเขตของการทดลอง

การทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ศึกษานับว่ามีความสำคัญมากเพราะช่วยให้สามารถเข้าใจถึงกรอบแนวคิดการวิจัย ขอบเขตของเรื่องที่ศึกษา ตลอดจนสามารถเขียนอภิปรายผลการวิจัยได้ดียิ่งขึ้น เนื้อหาในบทนี้จึงมุ่งทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยเรื่องนี้ โดยกล่าวถึงหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้

1. เอกสารที่เกี่ยวข้อง
2. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

ที่มาและความสำคัญของโครงการ

ความเป็นมาและความสำคัญของโครงงาน ในปัจจุบันผงสีที่ใช้ผสมเป็นสีน้ำหรือสีอื่นๆ สำหรับเขียนรูปภาพ มักจะทำมาจากสารเคมี ที่อาจทำให้เกิดพิษแก่ผู้ใช้ได้ ผู้จัดทำโครงงานจึงเล็งเห็นว่าน่าจะมีวัสดุอื่นที่สามารถนำมาใช้แทนสารเคมีดังกล่าวได้ โดยใช้สารสีที่ได้มาจากพืชชนิดต่างๆ แทน แต่สารสีที่ได้มาจากพืชจะมีลักษณะเป็นน้ำสี ซึ่งมักจะเก็บไว้ใช้ได้ไม่นานก็เสีย และบางฤดูก็อาจไม่มีพืชที่ให้สีดังกล่าว ผู้จัดทำจึงคิดค้นหาวัสดุอื่นที่จะนำน้ำสีมาชุบกับวัสดุที่เป็นผง เพื่อที่จะทำเป็นในลักษณะผงสี เพื่อจะสามารถเก็บไว้ใช้ได้นานๆได้

ขอบเขตของการศึกษา

ขอบเขตการศึกษา
3.1 ศึกษาบทบาท การมีส่วนร่วม ปัญหาและข้อจำกัดขององค์กรผู้บริโภคในระดับต่างๆ
ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิผู้บริโภคในปัจจุบัน
3.2 สนับสนุนการจัดเวทีสาธารณะระดับจังหวัดและภูมิภาคของผู้บริโภค เพื่อให้เกิดการ
แลกเปลี่ยน ระดมความคิดเห็นต่อแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและมาตรการระดับ
พื้นที่ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค
3.3 ศึกษารูปแบบ และกลไกองค์การอิสระผู้บริโภค ในการให้ความเห็นในการกำหนด
นโยบาย กฎหมาย และให้ความเห็นในการกำหนดมาตรการเพื่อการคุ้มครอง
ผู้บริโภค โดยทบทวนประสบการณ์และองค์ความรู้ จากกลไกคุ้มครองผู้บริโภคใน
ต่างประเทศ
3.4 จัดทำข้อเสนอ หลักการ และรายละเอียด(ร่าง)องค์การอิสระผู้บริโภคตามเจตนารมณ์
ของรัฐธรรมนูญ
3.5 จัดทำข้อเสนอแนะในการพัฒนากลไกภาคประชาชนในการเพิ่มประสิทธิภาพการ
คุ้มครองผู้บริโภ

สมมติฐานของการศึกษา

สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
จากการทดลองผลิตน้ำอบไทยแบบโบราณโดยนำพืชชนิดที่มีกลิ่นหอมมาผ่านกรรมวิธีการผลิตตามขั้นตอน จะได้น้ำอบไทย มีกลิ่นหอม สีเหลืองใส จริง

อุปกรณ์และวิธีการทดลอง

-อุปกรณ์
1.เครื่องปั่น
2.มีด
3.เขียง
4.หม้อดิน
5.ทัพพี
-วิธีการทดลอง
นำขมิ้นสดมาปาดเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำตากลมให้แห้ง แล้วนำมาบดให้ละเอียด
ตั้งน้ำให้เดือดแล้วนำดินสอพองลงมาต้มในหม้อดินคนให้เข้ากัน แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ดินสอพองเย็นตัวแล้วบดให้ละเอียด นำขมิ้นมาผสมกับดินสอพองให้เข้ากัน

ผลการทดลอง

) แก้ท้องร่วง แก้บิด หัวขมิ้นชั้นคั้นน้ำ เจือน้ำสุกเท่าตัว กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ กิน วันละ
3-4 ครั้ง หรือหัวขมิ้นชันเผาไฟ โขลกให้ละเอียด คั้นกับน้ำปูนใส กินครั้งละ 1-2 ถ้วยชา ขมิ้นช่วยระงับการเกร็งตัวของลำไส้ ในคนที่ท้องเสีย หรือเป็นบิด
(9) แก้นิ่ว โดยตำละเอียด คั้นเอาน้ำผสมน้ำปูนใส กินครั้งละ 1- 2 ถ้วยชา วันละ 2-3 ครั้ง
(10) แก้ตกเลือด เอาขมิ้นชันผง ๑ ช้อนแกง ผสมกับน้ำต้มสุก ๑ ถ้วยชา ใช้กินเพียง ครั้งเดียว แก้หญิงตกเลือดให้หยุด หรือเอาขมิ้นชันละลายสุรา แทรกพิมเสน กินก็ได้
(11) ยาสตรีหลังคลอดบุตร ใช้ผงขมิ้นชันผสมดินสอพอง ทาท้อง หญิงมีครรภ์ ตั้งแต่ ท้องเริ่มขยาย จนหลังคลอด จะทำให้ท้องสวย เหมือนยังสาว
(12) ขับพยาธิ น้ำคันจากหัวขมิ้นชันสด กินครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ กิน เป็นยาฆ่าพยาธิ และขับพยาธิ
(13) แก้ไข้ แก้หวัด ใช้หัวสด ขยี้ดมแก้หวัด คัดจมูก หรือใช้ผงขมิ้นโรยใน ไฟ แล้วสูดดม (14) บรรเทาอาการปวดหัว ใช้ผงขมิ้นผสมแป้งปิดพอกศีรษะ แก้ ปวด ศีรษะ
(15) แก้ตาแดง เอาผงขมิ้นชันโรยในเตาถ่าน ให้มีควันลอยขึ้นมา ลืมตารมควันนี้ วันละครั้ง เพียง 2-3 ครั้ง เจ็บตา ตาช้ำก็จะหาย
(16) รักษาโรคฟัน เคี้ยวเกลือกับขมิ้นชัน แล้วอมไว้ 10 นาที ทำเป็นประจำ ฟันจะคงทน นอกจากนี้ ยังใช้ขมิ้นชันขัดฟัน ให้ขาว โดยเอานิ้วแตะขมิ้นชันแล้ว นำมาขัดฟันให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่ จึงบ้วนทิ้ง แปรงด้วยยาสีฟันอีกครั้ง ทำให้ฟันขาว และคงทน
(17) แก้ปวดฟัน ขมิ้นชันสดโขลกกับเกลือให้เค็มจัด ผสมพิมเสน การบูร บดละเอียด ให้แทนยาสีฟัน แก้ปวดฟัน เหงือกบวม
(18) แก้น้ำกัดเท้า ล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ฝนขมิ้นชัน ทาก่อน จึงทาปูนแดงลงไปตรงน้ำกัด แผลจะแห้ง และตกสะเก็ด หายไปในที่สุด
(19) แก้ฟกช้ำ เอาขมิ้นผสมปูนแดง ทาแก้ฟกช้ำดำเขียว
(20) แก้ชันตุ เอาขมิ้นชัน 2 องคุลี เนื้อมะพร้าวแก่ๆ ขนาดเท่านิ้วชี้ 2 ชิ้น ใบมะลิ 1 กำมือ ตำรวมกันทำเป็นลูกประคบ แต้มตามศีรษะ ใช้กับเด็กเล็กๆ ที่เป็น แผลพุพอง น้ำเหลืองเยิ้มเป็นตุ่มๆที่หนังหัว มีกลิ่น เหม็นคาว เมื่อทายาแล้ว แผลจะตกสะเก็ด ต้องสระผม ให้เด็กตอนเช้า
(21) แก้ผื่นคัน ใช้ขมิ้นชันผง โรยบนส่วนที่คัน แล้วลูบ ค่อยๆ ให้ ขมิ้นติดอยู่ส่วนที่เป็นผื่น
(22) แก้พิษงูกัด เอาขมิ้นชัน ทาบริเวณยุงกัด ตุ่มคันจะ หายไป
(23) รักษาฝี ขมิ้นผสมเกลือพอเค็ม ตำพอกแก้พิษฝี ที่เจ็บปวด
(24) แก้พิษมดกัด ให้เอาน้ำล้างมดออก โรยผงขมิ้น ให้ทั่วๆ ขา ที่ยังเปียก อยู่ ขมิ้นจะดับพิษมดกัด [1]
(25) สารเคอร์คูมินในขมิ้นชันมีฤทธิ์ช่วยป้องกันโรคมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก และอัลไซเมอร์[2]
[1] สารศิลปยาไทย. ความลับของขมิ้นชัน . สืบค้นจาก http:// www.geocities.com/ thaimedicinecm/. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2548.
[2] มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. พบขมิ้นแดงสยามผลผลิตและสารเคอร์คูมินสูง มีสารออกฤทธิ์ป้องกันโรคมะเร็ง. ข่าวเกษตรศาสตร์. 2548

ประโยชน์ที่คาดหวังจะได้รับ

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
7.1 ทำให้ทราบถึงบทบาทการมีส่วนร่วมประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกลไกในการ
ดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคของภาคประชาชน
7.2 ทำให้ทราบถึงรูปแบบ แนวทาง วิธีการ และกระบวนในการทำงานด้านผู้บริโภคของ
องค์กรผู้บริโภค และการรวมกลุ่มของประชาชนในการปกป้องผลประโยชน์ในฐานะ
ผู้บริโภค
7.3 ความตื่นตัวของประชาชนในการมีส่วนร่วมในการให้ความเห็นต่อนโยบายและ
มาตรการคุ้มครองผู้บริโภคในระดับพื้นที่และระดับประเทศ
7.4 เกิดเครือข่ายในการปฏิบัติการจริงในอนาคตในการให้ความเห็นและเสนอความเห็น
ในการกำหนดนโยบาย กฎหมาย และให้ความเห็นในการกำหนดมาตรการเพื่อการ
คุ้มครองผู้บริโภค
7.5 ได้รูปแบบ และกลไกองค์การอิสระผู้บริโภค ในการให้ความเห็นและเสนอความเห็น
ในการกำหนดนโยบาย กฎหมาย และให้ความเห็นในการกำหนดมาตรการเพื่อการ
คุ้มครองผู้บริโภค
7.6 จัดทำข้อเสนอแนะในการพัฒนากลไกภาคประชาชนในการเพิ่มประสิทธิภาพการ
คุ้มครองผู้บริโภค
7.7 ได้ข้อเสนอแนะในรายละเอียดใน หลักการ และ(ร่าง)องค์การอิสระผู้บริโภคตาม
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

ข้อเสนอแนะ


ผลขมิ้นชั้นที่มีขายในท้องตลาด ถ้าจะซื้อให้เลือดดูผงที่มีสีเหลืองอมน้ำตาลแก่ มีกลิ่นหอมมาก จะเป็นผงขมิ้นใหม่ ไม่ปนแป้ง และเป็นผงที่เตรียมจากขมิ้นชัน ถ้ากรรมวิธีการเตรียมไม่ถูกต้อง ทำให้แห้งโดยใช้ความร้อนสูง จะทำให้น้ำมันหอมระเหยเสียไป คุณค่าทางการรักษาก็น้อยลงจากการทดลองพบว่า ขมิ้นข้นมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราบางชนิด และยังช่วยลดการอักเสบ นอกจากนั้น น้ำมันหอมระเหยยังช่วยรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้องได้ มีการศึกษาใช้ผงขมิ้นรักษาโรคกระเพาะ ปรากฏว่าผลเบื้องต้นเป็นที่น่าพอใจ ปกติชาวบ้านใช้รักษาโรคกระเพาะกันอยู่แล้ว จึงสนับสนุนให้ประชาชนใช้ต่อไป

อ้างอิง







www.nakhamin.esmartdesign.com